TIME MANAGEMENT ช่วยเพิ่มโฟกัสการทำงาน

หากเมื่อปีที่ผ่านมา คุณพบว่างานยุ่งมากแต่ “ไม่มีเวลาโฟกัสกับงานของตัวเอง” บทความนี้จะมาแบ่งปัน 4 เทคนิคง่ายๆที่ช่วยให้คุณสามารถจัดการบริหารเวลา (Time management) ได้ดีมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มเวลาทำงานของตัวเอง ตลอดจนป้องกันอาการ Burnout ที่อาจจะเกิดขึ้นหากไม่สามารถบริหารเวลากับปริมาณงานได้อย่างเหมาะสม

1. กำหนดกรอบเวลาอย่างชัดเจนสำหรับการติดต่อประสานงาน (Adopt core collaboration hours for meetings)⁣⁣

ตัวการอันดับหนึ่งที่เข้ามาติดพันทำให้เราไม่มีเวลาทำงานของตัวเองก็คือประชุมที่เยอะเกินไป ทั้งประชุมทีม ประชุมระหว่างแผนก ตลอดจนมื่อใครก็ตามโทรมาขอให้เราทำงานแทรก งานเร่ง งานด่วนต่าง ๆ ดังนั้นสิ่งที่บริษัทสามารถเป็นตัวตั้งตัวตีช่วยคลายปมนี้ได้คือการออกระเบียบจำกัดเวลาแห่งการประสานงานใด ๆ เช่น เฉพาะระหว่างเวลา 10.00 – 14.00 น. หรือแบ่งครึ่งเช้าครึ่งบ่ายไปเลย เป็นต้น⁣⁣

⁣⁣⁣⁣2. กำหนดกรอบเวลาสำหรับงานส่วนตัว (Encourage dedicated time for routines and tasks)⁣⁣

⁣⁣เพื่อให้สอดคล้องไปกับ core collaboration hours ข้างต้น เราเองก็ต้องกำหนด routine ของตัวเองขึ้นมาให้ล้อไปด้วยกัน เช่น เมื่อเราทราบแล้วว่าระหว่างสิบโมงถึงบ่ายสองจะมีประชุมหรืออาจถูกรบกวนให้ช่วยเหลืออะไรบางอย่างได้อยู่ตลอดเวลา เราก็จัดลำดับงานสำคัญ ๆ มาสปริ้นท์ในช่วงเช้า เป็นต้น⁣⁣
⁣⁣⁣

3. ทำให้คนอื่นรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ตัวเองไม่ว่าง (Align digital presence to the calendar)⁣⁣

⁣⁣โปรแกรมคุยงานยอดฮิตอย่าง Slack ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อให้เราแยกเรื่องงานออกมาจากไลน์ แต่ยังช่วยสื่อสารให้คนอื่นทราบด้วยว่าเมื่อไหร่ที่เราว่างหรือไม่ว่าง ซึ่งก็อาจต้องอาศัยความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่นอยู่พอสมควร เพราะไม่ใช่ว่าเราจะตั้งสถานะ do not disturb ในเวลางานเพียงเพราะไม่อยากให้คนอื่นรบกวนได้ และในทางกลับกันเมื่อเลิกงานสถานะ do not disturb ก็ควรจะศักสิทธิ์ คือ หากไม่มีเรื่องคอขาดบาดตายจริง ๆ ทั้งเราและเพื่อนร่วมงานก็ไม่ควรจะรบกวนกันและกัน⁣⁣

⁣⁣⁣⁣4. ลงตารางชีวิตส่วนตัวในปฏิทินงาน (Ensure that personal time is reflected on work schedules)⁣⁣

⁣⁣คล้ายกันกับข้อข้างต้น คือเราต้องการให้ผู้อื่นทราบว่าช่วงเวลานี้เราว่างหรือไม่ว่าง เพียงแต่มีส่วนเสริมพ่วงท้ายต่ออีกหน่อยว่าเพราะอะไร บางทีเราอาจจะมีนัดทำฟัน ทานข้าวเย็นกับครอบครัว พาลูกไปโรงเรียน ใช้เวลาวันหยุดกับที่บ้าน อาจฟังดูแหวกแนวไปสักนิดแต่ให้เราลองใส่กิจกรรมเหล่านี้ลงไปในตารางงานของเราไม่ว่าจะเป็น Google Calendar หรือ Outlook ดูได้เลย พร้อมส่งเสริมให้ทุกคนในองค์กรเช็คตารางงานของกันและกันก่อนจะติดต่อประสานงานใด ๆ โดยเฉพาะในวันหยุด⁣⁣

⁣⁣และทั้งหมดนี้ก็คือสี่แนวทางที่จะช่วยให้เรามีเวลาโฟกัสกับงานตรงหน้าของตัวเองจริง ๆ มากขึ้น ทั้งยังช่วยให้เราได้มีเวลาของตัวเองอย่างแท้จริงนอกเวลางานอีกด้วย คุณจะเริ่มต้นเป็นนักบริหารจัดการเวลาที่ยอดเยี่ยมด้วยเทคนิคข้อไหนก่อนดี?

Related   Idea

สรุปให้ ChatGPT ทำอะไรได้บ้าง พร้อมตัวอย่างคำสั่งที่ใช้บ่อย

ChatGPT เป็นแชทบอตจาก OpenAI ที่มีจุดเด่นคือ สามารถต่อบทสนทนาในรูปประโยคที่เป็นธรรมชาติได้เหมือนคุยกับมนุษย์ด้วยกัน และสามารถตอบคำถามที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ต่อยอดได้ด้วย

10 เครื่องมือสำคัญในการจัดการข้อมูล (Data Analytics Tools) อย่างมีประสิทธิภาพ!

Big Data หรือข้อมูลขนาดใหญ่ สามารถทำให้เราทราบและพยากรณ์ได้ว่า
กลุ่มเป้าหมายทางการตลาดใดที่จะใช้สินค้าของเรา หรือทำนายผลตอบสนองหลังเปิดตัวสินค้าใหม่ได้
แต่ก่อนที่จะมีการนำข้อมูลมาใช้ แน่นอนว่าข้อมูลขนาดใหญ่ที่ได้มานั้นเป็นข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนเป็นข้อมูลดิบ ด้วยเหตุนี้ การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics Tools) จึงเป็นเรื่องสำคัญ

ดังนั้นบทความในวันนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 10 เครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อจัดการ Data ได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการกันค่ะ

4 วิธีการเตรียมความพร้อมสู่ Data driven Organization ที่มีประสิทธิภาพ!

Data-driven เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคำที่ได้ยินบ่อยที่สุดในยุคนี้
และองค์กรทุกขนาด ในทุกๆ อุตสาหกรรมต่างพากันมุ่งหน้าไปในทิศทางของ Data
เหล่าองค์กรต่างพากันลงทุนไปกับการสร้างฐานข้อมูล และพัฒนาเทคโนโลยีองค์กร
แต่จากผลการสำรวจ กลับพบว่ามีองค์กรเพียง 20% เท่านั้นที่สามารถใช้ประโยชน์จากงานของ Data ได้จริง ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าองค์กรขาด Data culture หรือ การใช้ข้อมูลนั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรนั่นเอง

วันนี้ เรามี 4 วิธีการเตรียมความพร้อมสู่ Data-driven Organization มาเล่าให้ชาวเอ็กโก กรุ๊ป ฟัง